วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กีฬา ว่ายน้ำ

 

ประวัติกีฬาว่ายน้ำ

1162434475          

          กีฬาว่ายน้ำ (Swimming) ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะมนุษย์สามารถว่ายน้ำได้ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ที่ตั้งภูมิลำเนาอยู่ตามชายทะเล แม่น้ำ ลำคลอง และที่ราบลุ่มต่างๆ เช่น พวกเอสซีเรีย อียิปต์ กรีก และโรมัน มีการฝึกหัดว่ายน้ำกันมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล เพราะมีผู้พบภาพวาดเกี่ยวกับการว่ายน้ำในถ้ำบนภูเขาแถบทะเลทรายลิบยาน
             การว่ายน้ำในสมัยนั้นเพียงเพื่อให้สามารถว่ายน้ำข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ หรือเมื่อเกิดอุทกภัยน้ำท่วมป่าและที่อยู่อาศัยก็สามารถพาตัวไปในที่น้ำท่วมไม่ถึงได้อย่างปลอดภัย การว่ายน้ำได้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน แต่มีหลักฐานบันทึกไว้ไม่นานนัก Ralph Thomas ให้ชื่อแบบว่ายน้ำที่มนุษย์ใช้ว่ายกันมาตั้งแต่เดิมว่า ฮิวแมน สโตร์ก (Human stroke) นอกจากนี้พวกชนชาติสลาฟและพวกสแกนดิเนเวียรู้จักการว่ายน้ำอีกแบบหนึ่ง โดยใช้เท้าเคลื่อนไหวในน้ำคล้ายกบว่ายน้ำ หรือที่เรียกว่าฟล็อกคิก (Flogkick) แต่วิธีการเคลื่อนไหวของท่าแบบนี้จะทำให้ว่ายน้ำได้ไม่เร็วนัก
              การแข่งขันว่ายน้ำครั้งแรกได้จัดขึ้น วูลวิช บาร์ท (Woolwich Baths) ใกล้กับกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2416 การแข่งขันครั้งนั้นมีการแข่งขันเพียงแบบเดียวคือ แบบฟรีสไตล์ (Free style) โดยผู้ว่ายน้ำแต่ละคนจะว่ายแบบใดก็ได้ ในการแข่งขันครั้งนี้ J. Arhur Trudgen เป็นผู้ได้รับชัยชนะ โดยเขาได้ว่ายแบบเดียวกับพวกอินเดียแดงในอเมริกาใต้ คือแบบยกแขนกลับเหนือน้ำ ซึ่งเป็นวิธีการว่ายน้ำของเขาได้กลายเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากจนได้ชื่อว่า ท่าว่ายน้ำแบบทรัดเจน (Trudgen stroke) ประชาชนชาวโลกได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการว่ายน้ำเพิ่มมากขึ้น เมื่อเรือเอก Mathew Webb ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษจากเมืองโดเวอร์ คาเลียส เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2418 โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 21 ชั่วโมง 45 นาที ด้วยการว่ายแบบกบ (Breast stroke) ข่าวความสำเร็จอันนี้ได้สร้างความพิศวงและตื่นเต้นไปทั่วโลก ต่อมาเด็กชาวอเมริกันชื่อ Gertude Ederle ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2469 ทำเวลาได้ 14 ชั่วโมง 31 นาที โดยว่ายน้ำแบบท่าวัดวา (Crawa stroke) จะเห็นได้ว่าในชั่วระยะเวลา 50 ปี 

369   

 

10_8_swimming


           การว่ายน้ำได้วิวัฒนาการก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก ถ้าหากได้พิจารณาถึงเวลาของคนทั้งสองที่ทำได้ แบบและวิธีว่ายน้ำได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความเร็วขึ้นเสมอ ในบรรดานักว่ายน้ำทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวแลนเคเชียร ์และออสเตรเลีย ได้ดัดแปลงวิธีว่ายน้ำแบบทรัดเจน ซึ่งก็ได้รับผลดีในเวลาต่อมา กล่าวคือ Barney Kieran ชาวออสเตรเลียและ T. S. Battersby ชาวอังกฤษ ได้ว่ายน้ำแบบที่ปรับปรุงมาจากทรัดเจน เป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2449-2415 Alex Wickham ชาวเกาะโซโลมอนเป็นผู้ริเริ่มการว่ายน้ำแบบท่าวัดวาและเป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลก ระยะทาง 50 หลา เขาได้กล่าวว่าเด็กโซโลมอนทุกคนว่ายน้ำแบบนี้ทั้งนั้น ต่อมาท่าว่ายน้ำแบบวัดวาจึงเป็นที่นิยมฝึกหัดกันโดยทั่วไป กีฬาว่ายน้ำได้จัดเข้าไว้ในการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี พ.ศ. 2436 และได้จัดการแข่งขันมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุดังกล่าวกีฬาว่ายน้ำก็ได้รับความสนใจจากคนทั่วไป และถือเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก มีการพัฒนากีฬาว่ายน้ำให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นเป็นลำดับ โดยมีผู้คิดแบบและประเภทของการว่ายน้ำเพื่อความสนุกสนาน และความตื่นเต้นในการแข่งขันมากขึ้น

ประวัติว่ายน้ำในประเทศไทย

สมาคมว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ได้จดทะเบียนสมาคมต่อกรมตำรวจเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2502 ผู้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมว่ายน้ำฯคนแรกคือ พลเรือโท สวัสดิ์ ภูติอนันต์ ร.น. ในปีเดียวกันนี้สมาคมว่ายน้ำฯได้เข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ

ในปี พ.ศ. 2504 รัฐบาลได้อนุมัติเงินงบประมาณจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างสระว่ายน้ำมาตรฐานขนาดความยาว 50 เมตร กว้าง 25 เมตร พร้อมทั้งที่กระโดดน้ำ และอัฒจันทร์คนดูจำนวน 5,000 ที่นั่ง ณ บริเวณสนามกีฬาแห่งชาติ และเปิดใช้ในการแข่งขัน เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2506 เรียกว่า สระว่ายน้ำโอลิมปิก (ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นสระว่ายน้ำวิสุทธารามย์) และสมาคมว่ายน้ำฯได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์ว่ายน้ำแห่งเอเชียในปี พ.ศ. 2509

ปัจจุบันกีฬาว่ายน้ำได้รับความสนใจจากประชาชนโดยทั่วไปอย่างกว้างขาวง ประกอบกับกระทรวงศึกษาธิการได้บรรจุกีฬาว่ายน้ำไว้ในหลักสูตรเกือบทุกระดับ โดยในปัจจุบันมีจำนวนสโมสรที่เป็นสมาชิกของสมาคมว่ายน้ำสมัครเล่นแห่งประเทศไทยถึง 56 สโมสร

 

67956abad01

ประวัติแบดมินตัน ประวัติกีฬาแบดมินตัน Badminton แบดมินตัน ประวัติกีฬาแบดมินตัน

         จุดเริ่มต้นของกีฬาการเล่นลูกขนไก่ แบดมินตัน แบบเก่าที่เรียกว่า battledore ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นการ เล่นแบดมินตันอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นอดีตที่สูญหายไปในประวัติศาสตร์การกีฬา ซึ่งแม้ ว่าจะมีการค้นคว้า อย่างหนักก็ตามก็ค้นพบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกีฬาที่ว่านี้น้อยมาก หลักฐาน ที่พอจะค้นพบได้ก็คือ ลูกขนไก่แบบ หยาบๆ กับไม้หลายขนาด เป็นรูปทรงที่ไม่สามารถ เรียกว่า แร็กเกต อย่างในปัจจุบันนี้ ได้เลย

13105abad03

ประวัติแบดมินตัน

              รูปแบบ การเล่นกีฬาเก่าแก่อันนี้ในอังกฤษ ช่วงปลาย ศตวรรษ ที่ 14 นั้น ใช้ผู้เล่น สองคนตีได้ลูก ที่ดูคล้ายจรวดด้วยไม้หนาๆ พอมาถึงในศตวรรษที่ 17 แบบ การเล่นและอุปกรณ์ในฝรั่งเศส, สวีเดน และประเทศแถบอื่นๆ ในยุโรป ต่างก็แสดงให้เห็น ถึงชนิดของอุปกรณ์การเล่นตามแบบ อดีตอันเก่าแก่ และมีการเล่นกันอย่างแพร่หลายในหมู่คน ทุกชนชั้นในหลาย ๆ ประเทศในช่วงเริ่มแรกของการกำเนิดลูกขนไก่ และรวมทั้งเกมการเล่นด้วยนั้น ได้รับความรู้จักกันใน ฐานะของลูกบอลขนไก่ มีลักษณะคล้ายลูกบอล เส้น ผ่าศูนย์กลางราว 1 นิ้วครึ่ง ทำจากผ้า, ขนสัตว์ หรืออาจจะเป็นขนไก่ นิ่มที่อัดแน่นเป็นก้อน ใช้แทนลูกขนไก่แบบหยาบในขณะเดียวกัน ลูก กอล์ฟ ในสมัยโบราณก็ใช้วิธีการทำเช่นเดียวกันนี้ และเป็นที่รู้จักกันดีว่าน้ำหนัก ของลูกขนไก่นี้ ต้องหนักเท่ากับจำนวนขนไก่ที่ใส่เอาไว้ในหมวกทรงสูงจน เต็ม ลูกขนไก่ยุคดั้งเดิมนี้มีชื่อเรียก แตกต่างกันออกไป เพราะสามารถทำ ตามรูปร่าง และขนาดได้หลายแบบ เพราะผู้เล่นแต่ละกลุ่มก็มีความคิดเป็น ของตัวเองว่าจะตีลูกแบบไหนถึงจะคล่องมือ แต่โดยทั่วไปแล้วที่ฐานจะทำ จากไม้แล้วมีขนไก่ติดอยู่อย่างไม่จำกัดจำนวน ในยุคนั้น ยังมีปัญหาเกี่ยวกับ การขลิบให้ขนไก่มีระดับเท่ากัน ขนไก่จึงยาวมากแล้วก็ใช้แต่ขน นกเพียง อย่างเดียว อีกอย่างหนึ่งคือ แม้ว่าในยุคนั้นคนในยุโรป และโรมันต่างก็รู้ จักใช้ ไม้ก๊อกกันแล้ว แต่ในอังกฤษกลับมีการพัฒนาการใช้ไม้ก๊อกกับลูกขนไก่ช้า มาก มีการบันทึกกันอย่างเป็นหลักฐานว่า ฝรั่งเศสเพิ่งส่งไม้ก๊อกมาให้อังกฤษ ก็ตอนปี 1780 เข้าไปแล้ว มาในรูปของฝากจุกแชมเปญนั่นแหละ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ก็มี ข้อยืนยันเกี่ยวกับลูกขนไก่ที่ค่อนข้างเหมือนฝาจุก แชมเปญมาก ซึ่งก็คงมาจากการ ที่คนอังกฤษรู้ว่าไม้ก๊อกมีประโยชน์มากอย่างไร แทนที่จะใช้ไม้ที่หนักกว่า แต่ขนไก่ ก็ยังคงเป็น ส่วนประกอบที่สำคัญของลูกขนไก่ มานานนับศตวรรษตั้งแต่ยุคเริ่มแรก ของการเล่นเกมการแข่งขันชนิดนี้แล้ว

 

ประวัติกีฬาแบดมินตัน1188abad02

              แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า การพัฒนาการใช้ขนไก่นั้น คงมาจากการใช้ ปากกา ขนนกของคนในสมัยโบราณด้วย ขณะที่ใช้ทำปากกาส่วนมากจะใช้ขนตรงปีก ของห่าน เพราะมีความยาว และแข็ง แรงกว่าขนนก หรือขนไก่นอกจากนี้ยังสามารถ ตัดให้สั้น หรือนำมาตกแต่งได้มาก จึงเหมาะที่จะนำมาใช้เป็นลูกขนไก่ แล้วก็มีอายุการ ใช้งานใน การเล่นได้นานมาก ด้วย รูปร่างของลูกขนไก่ในสมัยเริ่มแรกนั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะ น่าสนใจมากพสมควร แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับประโยชน์การใช้งาน ในยุคเริ่ม แรก เพื่อการนำมาวิเคราะห์ในเรื่องแบบของลูกขนไก่ยุคนั้นก็ตามแต่หลักฐาน เริ่มแรกนั้นเริ่มขึ้นในฝรั่งเศสในการเล่นกีฬาที่ต้องใช้แร็กเกตนั้น มีการ เปลี่ยนแปลง เพียงเล็กน้อยจากปัจจุบันเพียงแต่การออกแบบลูกขนไก่ที่ว่านี้ ยังเป็น ปริศนาที่ยัง ไม่มีใครสามารถไขได้ เช่นเดียวกับลูกเทนนิสในยุคเริ่มแรก แม้ว่าวิถี การพุ่งของ ลูกจะแตกต่างกัน ลูกขนไก่ในสมัยนั้น นิยมใช้เล่นกันกลางแจ้ง และเป็น ลูกบอลขนนกบางทีก็ไม่มีน้ำหนักมากนัก ทำให้ลูกปลิวตาม ลมไกลเกินไป ยากแก่การ ตามเก็บ ทำให้มีคนพยายามที่จะออกแบบลูกขนไก่แบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการตีโต้ ได้ดีขึ้นให้จงได้ จากบันทึกเกี่ยวกับเรื่องของลูกขนไก่ซึ่งพบที่แบดบินตันเฮ้าส์ ที่ประทับ ของดุ๊กส์ แห่งบิวฟอร์ด ในศตวรรษที่ 17 และเป็นสถานที่ซึ่งใช้เป็นชื่อเรียกการแข่งขัน ชนิดนี้ในเวลาต่อมาพบว่าเกมในยุคนั้น ยึดถือเอาการตีโต้โดยไม่ให้ลูกตกดิน ระหว่าง ผู้เล่นทั้งสองให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางทีระยะการลอยของลูกก็ไม่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ต่อกติกา และจากบันทึกภายในครอบครัวนั้น พบว่ามีผู้หญิงซึ่งเป็นสมาชิก 2 คน สามารถตีโต้กันได้นานถึง 2,000 ครั้ง โดยที่ลูกไม่ตกลงพื้น ในช่วงปี 1860 มีการถก เถียงกันในกลุ่มนักตีลูกขนไก่ทั้งหลาย เพื่อค้นหาวิธีการเล่นที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยการใช้ เชือกขึงตรงกลาง แล้วก็ใช้วิธีตีโต้ข้ามเชือกไปมา แต่ยังไม่มีการกำหนด เขตแดนอยู่เหมือนเดิม กีฬาแบดมินตันในยุคเริ่มแรกก็เกิดขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยรับความนิยมอย่าง มากจากเด็ก และผู้ใหญ่ มีลูกขนไก่แบบโบราณซึ่งอยู่ในสภาพ ดีเป็นจำนวนมาก ถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่แบดมินตันเฮ้าส์ มีทั้งรูปร่างและขนาดแตกต่าง กันออกไป แต่ก็ล้วนแล้วแต่ใหญ่และหนักกว่าลูกขนไก่ในปัจจุบันมาก มีกำมะหยี่หุ้ม ที่ฐาน และผูกริบบิ้นสีสวยเอาไว้ บางอันก็มีขนห่านติดอยู่ซึ่งอาจจะเอามาจากขนปากกา แต่ส่วนมากทำจากขนไก่ ลูกขนไก่เหล่านี้ได้รับการเก็บรักษาอย่างดี แต่คน ที่ได้เห็น คงไม่รู้หรอกว่า กว่าจะเอามันมาเล่นโต้กันได้นี่ ยากลำบากแค่ไหน ในช่วงกลาง ศตวรรษที่ 19 เริ่มมีกฎกติกาในการเล่นเป็นแบบแผน และมีการตกลง กันอย่างเป็น ทางการ มีการกำหนดขนาดและรูปร่างของสนามในการเล่น จำนวน ผู้เล่นในแต่ละฝ่าย รวมทั้งขนาดและน้ำหนักของลูกขนไก่การกำหนดเหล่านี้เริ่ม เป็นรูปเป็นร่างในที่สุดแต่เกมการแข่งขันยังยึดที่จะเล่นกันในกลาง แจ้งเกือบตลอด ทุกครั้ง เกมการแข่งขันลูกขนไก่อันน่าสนุกนี้ ได้รับการเผยแพร่ไกลออกไป จนถึงอินเดีย ช่วงที่ยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ โดยเจ้าหน้าที่ทหารอังกฤษ และภรรยาเป็น ผู้ นำการเล่นนี้มาเผยแพร่ลูกขนไก่ที่ผลิตในอินเดีย มักจะทำขึ้นในบริเวณที่ มีการเล่นเป็นงาน ศิลปะเสียเป็นส่วนใหญ่ ใช้ไม้อ่อนหรือไม้ก๊อกอย่างหยาบเป็นฐาน และใช้ขนไก่ ซึ่งทำให้การ ลูกไม่ตรงเท่าที่ควร คนทำลูกขนไก่ส่วนมากต่างก็มีแนวความคิดในการออกแบบของ ตัวเอง ว่าจะต้องดีที่สุด อย่างลูก ขนไก่อันหนึ่งซึ่งทำขึ้นในปี 1865 ถูกเก็บรักษาอย่างดีเอาไว้ใน พิพิธภัณฑ์ ใช้ขนไก่ 36 อัน ยาวอันละ 4 นิ้ว และมี ความกว้าง 5 นิ้วครึ่ง แต่ไม่มีการเย็บรอบ ๆ ขนเพื่อควบคุมการพุ่งของลูก ทำให้ลูกพุ่งได้ไม่ไกลนัก ที่ฐานคลุม ด้วยกำมะหยี่ และเย็บเอาไว้ อย่างเป็นระเบียบ และผูกด้วยเชือกอีกทีหนึ่ง น้ำหนักของลูกขนไก่ลูกนี้มากกว่าหนึ่ง ออนซ์ ใน ขณะที่ลูกขนไก่ในปัจจุบันหนักแค่ 1/5 ออนซ์เท่านั้นเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันคงจะเป็นลูก ขนไก่ที่มี ประสิทธิภาพมากในยุคนั้นเพราะยังไงเสียมันก็เป็นหลักฐานแสดงว่าได้รับเป็นลูก ขนไก่ที่ใช้ในการประกวดการผลิตลูก ขนไก่ ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศในบรรดาลูกขนไก่ที่มี น้ำหนักมากกว่าทั้งหลาย นอกจากนี้ยังมีลูกขนไก่อีกอันหนึ่งที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีในพิพิธภัณฑ์เดียวกัน มีขนไก่ 19 อัน ความยาว 3 นิ้ว มีฐานเป็นไม้ก๊อก พื้นเรียบ มีริบบิ้นผูกติด เอาไว้ด้วย แล้วก็เป็นลูก ขนไก่ซึ่งนิยมใช้เล่นกันมากในช่วงปี 1920 ด้วย ต้องนับว่า เรายังโชคดีกว่าคนสมัยก่อนมาก ที่ไม่ต้องออกแรงหวดลูกขนไก่ที่หนักมากอย่างใน สมัยก่อน เพราะไม่งั้นคงมือโตกันไปตาม ๆ กันก่อนแน่ มีช่วงหนึ่งที่คนเล่นในสมัย ก่อนประสบปัญหาที่ว่าแผ่นหนังที่หุ้ม battledore ของ ตัวเองนั้น มีเสียงดังเกินไป ในเวลาเล่น และไม่แข็งแรงพอที่จะทานน้ำหนักที่หนักมากของ ลูกขนไก่เลยทำให้ คนพยายามคิดค้นการใช้เส้นเชือกมาขึงเอาไว้บนเฟรมไม้ตี ตอนแรกนั้น ยังเป็นแค่ เส้นหนังที่ขึงเป็นเส้น ๆ เรียงกัน จนกระทั่งมีคนคิดค้นวิธีการนำเส้นเอ็นมาใช้ แทน การใช้เอ็นขึงบนไม้เริ่มมีขึ้นครั้งแรกในรอยัลเทนนิส ในฝรั่งเศสกีฬาที่มีการก่อตั้งขึ้น ในยุคนั้น แล้วก็ดูเหมือนว่าคนจะคิดใช้ประโยชน์จากเส้นเอ็นสำหรับเครื่องดนตรี เท่านั้นเอง ก่อนที่จะมีการนำมาใช้กับแร็กเกตโดยเฉพาะ มีการบันทึกเอาไว้ว่าการ นำเอาเส้นเอ็นมาขึง บนไม้ตีแบดในอังกฤษเป็นครั้งแรก อยู่ในช่วงปี 1880 หลังจากที่พวกสโมสรชั้นสูงมีการคิด ค้นกันขึ้นมาแล้วก็กลายเป็นที่ยอมรับกัน เพราะมันยืด หยุ่นได้ดีกว่าหนัง และมีอายุการใช้ งานนานเป็นที่น่าพอใจด้วย แล้วก็ช่วงนั้นอีกเหมือนกัน ที่มีคนพยายามจะผลิตลูกขนไก่ให้ ได้มาตรฐาน เพื่อให้มีน้ำหนักเบาขึ้น และให้ขนที่แผ่ออก มานั้นมีวงแคบลง เพื่อจะได้ตีได้ไกล เพิ่ม มากขึ้น พบว่าคอร์ตบางแห่งมีความยาวถึง 55 ฟุต และอาจจะยาวเพิ่มมาก ขึ้นไปอีกแล้ว แต่ความเหมาะสมอย่างเช่น การเล่นคู่ที่ต้องการให้ สะดวกมากที่สุด การพัฒนาทั้งเกมการเล่น และลูกขนไก่เองนั้น เริ่มเกิดขึ้นโดยพวกนาย ทหารอังกฤษที่ประจำการในอินเดีย การเล่นแบดมินตันจากการเผยแพร่ของ พวกเขาทำให้ มันกลายเป็นที่นิยมในอินเดียอย่างแพร่หลาย และการเล่นกันใน กลางแจ้งก็ถือว่าเป็นเรื่อง ที่ธรรมดาเพิ่มมากขึ้น บางที่ก็มีการเล่นกันใน อินเตอร์ โดยเฉพาะในค่ายทหาร เชื่อว่ากฎ เกณฑ์หยาบๆ ในการแข่งขันนั้น มีขึ้นที่เมืองปูนา ในช่วงปี 1874 แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียด เกี่ยวกับเรื่องลูกขนไก่ และระยะเขตแดนอย่างไร หลัง จากนั้นไม่นาน ในปีเดียวกัน สโมสร ทหารก็ได้รับ การก่อตั้งขึ้นที่เมืองฟอล์คสโตน ในอังกฤษ ซึ่งใกล้กับป้อมชอร์นคลิฟฟ์ และ เมืองปอร์ตสมัธ9721_51w

       เชื่อว่ามีการเริ่มเล่นอย่างแพร่หลายโดยพวกทหารทั้งพวกที่ กำลังจะไปประจำการ และพวกที่ ถูกปลดประจำการแล้วพวกที่สโมสรอื่น ๆ ก็เอาตามกันบ้าง แต่เกมการแข่งขัน ในอดีตค่อน ข้างจะเป็นการเล่นกันสนุก ๆ ในปาร์ตี้น้ำชาของบ่ายวันเสาร์ มากกว่าที่จะเป็นเกมการแข่งขัน อย่างจริงจัง ลูกขนไก่ที่ใช้ในช่วงนั้น เป็นลูกที่ยังหยาบอยู่มาก และมีการออกแบบที่แตกต่าง กันออกไป ซึ่งก็แตก ต่างกันออกไปในระยะการลอยของลูก แต่ยังเป็นปัญหาสำหรับผู้เล่นอยู่ มีบทความในนิตยสารฉบับหนึ่ง แนะว่าผู้เล่นควร จะใช้ลูกที่มีน้ำหนักประมาณหนึ่งออนซ์ครึ่ง ถึงสองออนซ์ ก่อนที่จะติดขนไก่เข้าไป ควรเอาไปทากาว แล้วก็ร้อยเชือก เป็นตะเข็บเข้าออก เพื่อช่วยยึดขน ตามความคิดเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญนั้นวิธีการนี้จะทำให้ลูกขนไก่ทนทาน มากยิ่งขึ้น และลอยได้ไกลขึ้นด้วย เป็นหลักฐานยืนยันว่าลูกขนไก่ ในสมัยนั้นลอยได้ไกลมาก กว่าลูกขนไก่ในปัจจุบันเสียอีก

ในปี 1893 สมาคมแบดมินตันแห่งอังกฤษก่อตั้งขึ้น และการ แข่งขันแบดมินตันออลอิงแลนด์ก็ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรก ในปี 1899 นช่วงนั้นเองที่ลูกขนไก่ เริ่มมีมาตรฐานเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกับสโมสรที่ก่อตั้งกัน ขึ้นมาใหม่มากมาย แม้ว่าจะ ไม่มี รายละเอียดอะไรมากนัก ลูกขนไก่คุณภาพดีของยุคนั้น บางส่วนผลิตในฝรั่งเศสที่ซึ่งกีฬา แบดมินตันมีการเล่นอยู่ใน บางปี ลูกขนไก่ที่ผลิตขึ้นนั้นมีชื่อว่า “บาร์เรล” เพราะมีลักษณะ เหมือนถึงใช้ขนไก่กันอยู่เหมือนเดิม โดยการสอดเข้าไปในไม้ก๊อก และเอาด้านเรียบของ ขนออกด้านนอก เรียงรอบไม้ก๊อกเป็นวงกลมเหมือนกับรูปถังไม้ ทำให้มันถูกเรียก เช่นนั้น ลูกขนไก่เหล่านี้ส่วนมากเย็บตะเข็บติดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็ไม่มีประโยชน์อะไรนัก และเย็บรอบ ๆ ยอดของก้านขนที่ฐาน มีการบันทึกเอาไว้เป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการเย็บรอบขน เพื่อ ยึดให้แน่น และไม่มีการบันทึกว่าผู้ผลิตเป็นครั้งแรกนี้มี ชื่อว่าอะไร แม้ว่าเขาจะทำให้ลูกขนไก่ได้คุณภาพ และรูปร่างมาตรฐานแล้ว มีการออกแบบสร้างลูกขนไก่อย่างแน่นอนขึ้น แม้ว่าน้ำหนักลูกจะยัง ไม่ใช่สิ่งสำคัญอยู่ เหมือนเดิมก็ตาม ช่วงนั้นที่ฐานของลูกคลุมเอาไว้ด้วย หนังชามัวส์ฝรั่งเศส อย่างดี ส่วนตรงขนก็ทำจากขนไก่ ซึ่งมีความทนทานไม่มากนัก แต่หลังจากนั้นอีกสองสามปี ก็มีการเปลี่ยนมาใช้ขนส่วนปีกของห่านแทนเพราะมันกลายเป็นตำรับอาหาร ชั้นเลิศของชาว ฝรั่งเศสอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยมกันมาก เป็นไปได้ที่ลูกขนไก่ที่ทำ จากขนห่าน รุ่นแรกก็มาจาก ฟาร์มเหล่านี้ ทำให้มันกลายเป็นลูกขนไก่ที่มีคุณภาพ มาก แล้วก็ถูกนำไปใช้ ในโรงงานทำ ลูกขนไก่อย่างกว้างขวาง จนกระทั่งมาเลิก ใช้เมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง

ในช่วงที่เพิ่งเริ่มมีการแข่งขันใหม่ๆ ในอังกฤษ บรรดาผู้เข้า แข่งต่างก็พากันมีปัญหา กับการลอยของลูกขนไก่บาร์เรลกันมาก ยังมีลูกขนไก่ แบบนี้เหลืออยู่ในปัจจุบันบ้าง เล็กน้อย เมื่อนำมาทดสอบระยะการลอยของลูก ซึ่งสร้างในปี 1911 ปรากฏว่าลูกพุ่งไป ได้ 55 ฟุต ในการตีด้วยแรงธรรมดาของ ผู้เล่น ในขณะที่ลูกขนไก่ในปัจจุบัน พุ่งไป ได้ 42 ฟุต ดังนั้นคงพอสรุปได้ว่าการ แข่งขันในยุคนั้นคงจะเร็วและหนักหน่วงมาก เพื่อการทำให้ลูกไปตกที่เส้นท้าย คอร์ตตลอดเวลา ลูกขนไก่บาร์เรลถูกใช้ในการ แข่งขันออลอิงแลนด์ครั้งแรกด้วย แต่อายุการใช้งานของมันค่อนข้างสั้น แล้วมันก็มี ระยะการลอยไม่เท่ากัน จึง ไม่ใช่ลูกที่สมบูรณ์มากที่สุด

ในปี 1909 หลังจากที่สมาชิกของสมาคมแบดมินตัน แห่งอังกฤษมีการปรึกษาหารือ กันลูกขนไก่ชนิดใหม่ซึ่งเป็นต้นแบบของลูกขนไก่ ที่ใช้ในปัจจุบัน ก็ถูกนำมาใช้ใน การแข่งขันแทนลูกขนไก่แบบใหม่นี้ ผลิตใน อังกฤษโดย เอฟ.เอช. อายเรส ขนที่ ใช้ก็ยังเป็นขนห่านเหมือนเดิม แต่ติดขนด้าน เรียบไว้ด้านใน เพื่อการเย็บให้โค้ง ตามรูปขนนกที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ลูกขน ไก่เหล่านี้ทำด้วยมือทั้งหมด ไม้คอร์กที่ ใช้ก็เป็นไม้คุณภาพดีที่ใช้กับจุกไวน์ชั้น หนึ่ง ถูกทำให้เป็นรูปโดมด้วยเครื่องกลึง และครอบอีกครั้งด้วยหนังอย่างดี การผลิตค่อย ๆ พัฒนาต่อไปช้า ๆ ในแต่ละปี สำหรับใช้ในการแข่งขันแบดมินตัน ออลอิงแลนด์จนถึงปี 1938

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น