วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

เรื่องแปลก แต่จริง





แปลกแต่จริง... ที่น้ำตาลไม่เคยเน่าเสีย


คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไม เราสามารถ เก็บน้ำตาล ได้นานมากโดยที่มันไม่เคยเน่า ไม่เคยเสีย ไม่เคยมีราขึ้นใด ๆ ทั้งสิ้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น.......อันที่จริง สิ่งมีชีวิต สามารถย่อยน้ำตาล ได้อย่างง่ายดาย จึงเป็นเรื่องแปลกว่า ทำไม น้ำตาล กลับไม่เน่าเสียง่าย เหมือนกับแป้ง หรืออาหารประจำครัวอื่น ๆ .......เพราะว่าน้ำตาล มีค่าความชื้นอยู่ น้อยเหลือเกิน คือประมาณ ๐.๐๒ เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ซึ่งทำให้ จุลินทรีย์ ตกอยู่ในสภาวะ ขาดน้ำ (dehydration) คำอธิบายมีว่า โมเลกุลของน้ำ จะแพร่กระจายออกจาก จุลินทรีย์ ในอัตราเร็ว สูงกว่าที่มันจะซึมเข้า ดังนั้น ในที่สุด จุลินทรีย์ ก็จะตายลง เพราะขาดน้ำในร่างกาย นอกจากนี้ ระดับค่าความชื้น ที่ต่ำมาก ของน้ำตาล ยังเป็นอุปสรรคต่อ การเปลี่ยงแปลงทางเคมีใด ๆ อันก่อให้เกิด การเน่าเสีย.......


อย่างไรก็ตาม ถ้าละลายน้ำตาลในน้ำ ยิ่งสารละลายน้ำตาล เจือจางมากเท่าใด โอกาสที่ รา และยีสต์ จะเกิดก็มากขึ้นเท่านั้น การเก็บน้ำตาล ไว้ในภาชนะ ที่กันอากาศเข้า จะช่วยชะลอ การดูดความชื้น แม้ในสภาวะอากาศชื้น ถ้ารักษาระดับ ค่าความชื้นที่ ๐.๐๒ เปอร์เซนต์ไว้ได้ น้ำตาล จะคงสภาพดี ไม่มีวันหมดอายุเลย



กินอาหารเช้าทุกวัน ลด อ้วน ได้











คำถามที่ตามมาก็คือ ความสำคัญของอาหารเข้าอยู่ที่ตรงไหน และการกินอาหารเช้าจะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?วิถีชีวิตของคนเมืองในปัจจุบันที่ต้องรีบเร่งออกจากบ้านเพื่อไปให้ทันโรงเรียนหรือทันเวลาทำงานในตอนเช้า บวกกับการต้องเสียเวลาในการเตรียมอาหาร เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่ละเลยอาหารมื้อเช้า ซึ่งถือเป็นมื้อสำคัญที่สุดของวันคำถามที่ตามมาก็คือ ความสำคัญของอาหารเข้าอยู่ที่ตรงไหน และการกินอาหารเช้าจะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?ดร.สิติมา จิตตินันทน์ นักวิชาการจากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลถึงเรื่องอาหารเช้ากับสุขภาพว่า อาหารเช้านั้น เป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน และการไม่รับประทานอาหารเช้าก็มีผลเสียมากกว่าผลดี
หากงดอาหารเช้าจะทำให้มีแนวโน้มการรับประทานอาหารที่มีพลังงานและไขมันสูงในมื้อเที่ยงมากขึ้น จนเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนกล่าวคือนับจากอาหารมื้อเย็น จะเห็นได้ว่า ร่างกายของเราต้องอดอาหารมาประมาณ 10-12 ชั่วโมง ซึ่งส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ดังนั้น หากงดอาหารเช้าจะทำให้มีแนวโน้มการรับประทานอาหารที่มีพลังงานและไขมันสูงในมื้อเที่ยงมากขึ้น จนเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนอาหารเช้าที่เหมาะสมควรมีค่าพลังงานและสารอาหารอย่างน้อย 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25 ของปริมาณที่ควรจะได้รับตลอดวัน ส่วนการกระจายของพลังงานในมื้อกลางวันและมื้อเย็น ควรอยู่ที่ร้อยละ 35 และ 30 ตามลำดับ และที่เหลือเป็นพลังงานจากอาหารว่างอีกร้อยละ 10ทั้งนี้ รายงานการวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกตีพิมพ์ใน The Journal of Obesity Research ในปี 2002 พบว่า ร้อยละ 80 ของอาสาสมัครซึ่งมีมากกว่า 3,000 คน ที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักส่วนเกิน และยังสามารถรักษาน้ำหนักไม่ให้เพิ่มขึ้น ล้วนแต่เป็นผู้ที่กินอาหารเช้าเป็นประจำทั้งสิ้น เนื่องจากการกินอาหารเช้าจะช่วยในการควบคุมความหิวและปริมาณการกินในมื้อถัดไปได้ดีขึ้น
ผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจอเมริกาอีกชิ้นหนึ่งเมื่อปี 2003 ยังพบด้วยว่า ดร.สิติมาให้ข้อมูลด้วยว่า นอกจากแนวโน้มในการช่วยป้องกันโรคอ้วนและเบาหวานแล้ว ผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจอเมริกาอีกชิ้นหนึ่งเมื่อปี 2003 ยังพบด้วยว่า การกินอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมออาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองและโรคหัวใจด้วยสำหรับการจัดเตรียมอาหารเช้าของครอบครัว ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการบริโภคอาหารเช้าของเด็กและเยาวชนนั้น ผู้ปกครองควรตระหนักถึงความสำคัญของอาหารเช้าต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและทางจิตใจของเด็ก ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะโภชนาการและความสามารถการเรียนรู้ นอกจากนี้ ผู้ปกครองและผู้ให้การเลี้ยงดูเด็กยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างแบบอย่างที่ดีของพฤติกรรมการบริโภคอาหารเช้าให้แก่เด็กด้วยหากไม่มีเวลาพอ ควรเลือกอาหารพร้อมรับประทานที่สามารถหยิบฉวยได้ทันทีในตอนเช้า เช่น นมกล่อง น้ำผลไม้กล่อง และผลไม้ เช่น ฝรั่ง ส้ม แล้วนำไปรับประทานในรถระหว่างทางไปโรงเรียน หรือไม่อย่างนั้นผู้ปกครองอาจต้องเผื่อเวลาสัก 10 นาทีในการลุกขึ้นมาอุ่นอาหารซึ่งเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เช่น ข้าวผัด บะหมี่ผัด ผัดมักกะโรนี ข้าวกับหมูทอด ข้าวต้ม เป็นต้น ปัจจุบันการอุ่นอาหารสามารถทำได้ง่ายในไมโครเวฟ ซึ่งใช้เวลาแค่ 1-2 นาที ทั้งนี้ควรเลือกทานอาหารเช้าที่มีความหลากหลาย แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการ



งีบเพิ่มความจำ
งานวิจัยชิ้นนี้อาจไม่ถูกใจอาจารย์ ถ้าน้องๆ อ่านแล้วเอาไปอ้างทำในห้องเรียน ซึ่งไม่สนับสนุนนะจ๊ะอาวี คาร์นี นักวิจัยด้านสมอง มหาวิทยา ลัยไฮฟา ประเทศอิสราเอล ค้นพบว่า การงีบหลับช่วยเพิ่มความจำระยะยาว โดยการงีบหลับกลางวันนาน 90 นาที หรือ ชั่วโมงครึ่ง จะมีประ สิทธิภาพสูงสุด"เรายังไม่ทราบแน่ชัดถึงกลไกเกี่ยวกับความจำของสมองระหว่างนอนหลับ แต่งานวิจัยชิ้นนี้ชี้ว่า มีความเป็นไปได้ว่าเราสามารถเร่งการจดจำได้เร็วขึ้นจากการนอนหลับ" คาร์นีกล่าวนักวิจัยทดลองให้อาสาสมัครเรียนการเคาะนิ้วโป้งที่มีความซับซ้อนเป็นชุดๆ แล้วแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม 1 ให้ไปนอน 1 ชั่วโมง อีกกลุ่มไม่ให้นอน พบว่า กลุ่มที่ได้หลับสามารถจำสิ่งที่สอนได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่หลับ โดยทำได้ดีในการทดสอบช่วงเย็น ส่วนการหลับกลางคืน ทั้ง 2 กลุ่มให้ผลเหมือนกันทั้งนี้ ความทรงจำระยะยาว หมายถึง "ความจำ" ที่จะอยู่กับเราไปนานหลายปี เช่น อุบัติเหตุรถยนต์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนส่วน "การจำ" หมายถึง การที่เราสามารถเรียนรู้การตีกลอง หรือเล่นฟุตบอล





ศิลปะหัวปลา







คุณแอน แคเธอรีน เบ๊กเกอร์ เอชิวาร์ด ศิลปินฝรั่งเศส มองหาแง่มุมใหม่ๆ สร้าง สรรค์งานศิลปะ และได้ข้อสรุปว่า เอา "หัวปลา" ที่คนเราทิ้งๆ ขว้างๆ มาประดิดประดอย จัดฉากผลิตงานสนุกๆ ดีกว่า!
ผลที่ได้ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ คุณแอนฉวยเอา "หัวปลาซาร์ดีน-แม็กเคอ เรล" มาเป็นนายแบบ-นางแบบโพสท่าหลายสถาน การณ์ เช่น ตั้งวงกินอาหาร (หลังจากถูกกินอยู่ฝ่ายเดียวมานาน) รวมทั้งทำตัวเป็นนักศึกษาแพทย์ และ พนักงานโรงงานปลากระป๋อง!หึหึ..ฝรั่งนี่ฉลาดน้อยกว่าบ้านเราเยอะ เพราะเราเอามาทำ "ต้มยำหัวปลา" ทั้งอิ่มท้อง-ทั้งโชว์ศิลปะการปรุงอาหารจานเด็ดไปพร้อมๆ กัน!



หุ่นทำกับข้าว






หุ่นยนต์ รุ่น "เอสดีเอ10" หรือ "โมโตแมน" พัฒนาโดยบริษัท
ยาคาวะ อิเล็กทริก ประเทศญี่ปุ่น ท่อนแขนเคลื่อนไหวได้คล้ายแขนมนุษย์ ตั้งโปรแกรมให้ทำงานได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ ประกอบผลิตภัณฑ์หรือแม้แต่ทำกับข้าว




เต่ายักษ์


ชาวบ้านแห่ดูซากเต่ามะเฟืองยักษ์หนัก 300 กิโลกรัม ตายเกยหาดสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบมีบาดแผลที่ขาหน้าทั้งสองข้าง คาดว่าเป็นสาเหตุให้เต่ายักษ์จมน้ำทะเลตาย เมื่อวันที่ 27 พ.ย.






"ก๊อดซิลล่า" บุก






ทีวีญี่ปุ่นตีข่าวไปทั่วประเทศ ทำเอาคนผวาทั้งบ้านทั้งเมือง จู่ๆ ก็ป่าวประกาศว่า "เจ้าข้าเอ๊ยยยย...ยามนี้มีสัตว์ประหลาด "ก๊อดซิลล่า" บุกจังหวัดชิบะแล้วจ้าาาาา!"หลังจากล้อเล่นกันพอหอมปากหอมคอถึงเฉลยว่า เจ้าก๊อดซิลล่าตัวนี้แท้จริงแล้วเป็นรูปทรงของ "ต้นไม้" ต้นเบ้อเริ่มในชิบะ ซึ่งเจ้าของยืนยันว่า "กระพ้มปล่อยให้มันโตเองตามธรรมชาติ มิได้มีเจตนาต้มตุ๋นตัดแต่งกิ่ง-ก้าน-ใบให้ออกมาเหมือนก๊อดซิลล่าในจอหนัง หวังสร้างข่าวเด่นดัง แต่ชาวบ้านมองเห็นแล้วตีความฟุ้งเฟื่องเลื่องลือกันไปเองทั้งนั้นแหละคุณเอ๋ย!"



ของเล่นยุคประหยัด
พนักงานบริษัท บันเพรสโต แดนญี่ปุ่น อวด "ของเล่น" ชิ้นใหม่แกะกล่อง มีชื่อว่า "เฟซแบงก์" หรือ "หน้าธนาคาร" เป็นกล่องสี่ เหลี่ยมสีสันสดใสฉูดฉาด แต่งแต้มลูกตา จมูก ปาก ดูไปก็หน้าคล้ายๆ "ลิงจ๋อ"จริงๆ แล้วก็คือ "กระ ปุกออมสิน" ธรรมดานั่นแล แต่เพิ่มลูกเล่นไฮเทค ใหม่ๆ เข้าไป เช่น พอเอามือเอื้อมเข้าไปใกล้ๆ เตรียมหยอดเหรียญเข้าปาก ตัวเซ็นเซอร์ตรงลูกตาของเจ้าเฟซบุ๊กก็จะสั่งให้มันอ้าปากกว้าง พอใส่เหรียญเข้าไปแล้วก็เคี้ยวง่ำๆๆ ไหลลงกล่องเป็นของเล่นที่สอดคล้องกับยุคสภาพเศรษฐกิจตกสะเก็ดคันยิกๆ..แฮ่..แต่ตอนขัดสนจะแงะตังค์ออกมาใช้ฉุกเฉินยังไงนั้น ข่าวไม่ได้แจ้งจ้าาาา!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น